ที่มา
http://aec.kapook.com/view50379.html
http://www.xn--12cg1cxchd0a2gzc1c5d5a.net/
http://pirun.ku.ac.th/
1. ดอกไม้ประจำชาติไทย – ดอกราชพฤกษ์ (Ratchaphruek) หรือ ดอกคูน
ดอกไม้ประจำชาติของไทยคือดอกราชพฤกษ์ หรือ ดอกคูน (ภาษาอีสาน) และ ดอกลมแล้ง (ภาษาเหนือ) โดยที่ดอกราชพฤกษ์นั้นมีลักษณะดอกเป็นช่อหรือเป็นพวง มีสีเหลืองสดใสสวยงาม ดอกราชพฤกษ์ของไทยบานเหลืองสะพรั่งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคมของทุกปี โดยเราสามารถพบเห็นได้ทั่วไป ทั้งตามแนวถนนหลวง ตามสวนสาธารณะ ตามวัดวาอาราม อีกทั้งเราจะพบว่าคนไทยนิยมนำดอกราชพฤกษ์มาประดับพระเจดีย์ทรายที่นิยมก่อกันในช่วงวันสงกรานต์อีกด้วย
ดอกไม้ประจำชาติของกัมพูชาคือดอกลำดวน โดยที่ดอกลำดวนเป็นดอกไม้สีขาวปนเหลืองนวล (เหลืองนวลอ่อนๆ) มีกลีบดอกหนาและค่อนข้างแข็ง มีกลิ่นหอมเย็นชื่นใจ โดยจะส่งกลิ่นแรงในช่วงเวลากลางคืน ชาวกัมพูชาถือว่าดอกลำดวนเป็นดอกไม้มงคล นิยมปลูกกันทั่วประเทศ เป็นดอกไม้ประจำชาติอาเซียนที่มีลักษณะแปลกตา แต่มีเอกลักษณ์และสวยงามมาก
3. ดอกไม้ประจำชาติลาว – ดอกจำปาลาว (Dok Champa) หรือ ดอกลีลาวดี
ดอกไม้ประจำชาติอาเซียนอีกประเทศหนึ่งคือดอกลีลาวดีของประเทศลาว ดอกลีลาวดีมีชื่อในภาษาลาวว่าดอกจำปาลาว หรือที่คนไทยโบราณนิยมเรียกว่าดอกลั่นทม ซึ่งมาเปลี่ยนชื่อเป็นดอกลีลาวดีในภายหลัง (นัยว่าเพื่อความเป็นสิริมงคล) ดอกลีลาวดีนั้นเป็นดอกไม้ที่มีหลากหลายสีสัน ทั้งสีขาว สีส้ม สีแดง สีชมพู และสีเหลืองเป็นต้น คนลาวถือว่าดอกลีลาวดีซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติของตนนั้นเป็นตัวแทนของความสดชื่น ความจริงใจ และความสุข ดังนั้นคนลาวจึงนิยมใช้ดอกลีลาวดีในงานมงคลทุกชนิด ทั้งงานบวช งานแต่ง งานทำบุญต่างๆ รวมถึงทำเป็นพวงมาลัยถวายพระและต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองด้วย
4. ดอกไม้ประจำชาติพม่า – ดอกประดู่ (Padauk)
ดอกไม้ประจำชาติพม่าคือดอกประดู่ ดอกประดู่เป็นดอกไม้สีเหลืองทอง สีสันสวยงาม พบได้มากทั้งในประเทศพม่าและประเทศไทยของเรา เป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม โดยจะเริ่มออกดอกพร้อมกับฤดูฝน ซึ่งถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีสำหรับประเทศเกษตรกรรม คนพม่านิยมใช้ดอกประดู่สำหรับงานเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลปีใหม่ของตน รวมถึงงานมงคลต่างๆ นิยมใช้เป็นดอกไม้บูชาพระและงานสำคัญทางศาสนาด้วย
5. ดอกไม้ประจำชาติเวียดนาม – ดอกบัว (Lotus)
ดอกไม้ประจำชาติเวียดนามคือดอกบัว คนเวียดนามมีความเชื่อว่าดอกบัวคือสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ความรัก ความผูกพัน และการมองโลกในแง่ดี รวมถึงความเชื่อที่ว่าดอกบัวเป็นตัวแทนแห่งรุ่งอรุณ เนื่องจากดอกบัวจะคลี่บานพร้อมกับแสงตะวัน ซึ่งหมายถึงการเริ่มต้นวันที่แจ่มใส เราจึงสามารถพบคำว่าดอกบัวอยู่ในบทเพลงพื้นบ้านและบทกลอนในภาษาเวียดนามอยู่เสมอ นับได้ว่าเป็นดอกไม้ประจำชาติอาเซียนที่ไม่ได้เป็นดอกไม้ประจำถิ่น แต่เป็นดอกไม้ที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในทุกประเทศอาเซียน
6. ดอกไม้ประจำชาติสิงคโปร์ – ดอกกล้วยไม้แวนด้า (Vanda Miss Joaquim)
ดอกไม้ประจำชาติของสิงค์โปร์คือดอกกล้วยไม้แวนด้า (Vanda Miss Joaquim ) ซึ่งดอกกล้วยไม้แวนด้านี้จะมีสีม่วงแดงสดใส สามารถออกดอกบานสะพรั่งได้ตลอดทั้งปี โดยชื่อ Vanda Miss Joaquim มาจากชื่อของผู้ที่สามารถผสมพันธุ์กล้วยไม้สายพันธุ์แวนด้าชนิดนี้ได้สำเร็จ ซึ่งก็คือ Miss Joaquim นั่นเอง ดอก Vanda Miss Joaquim ถูกประกาศให้เป็นดอกไม้ประจำชาติเมื่อปี ค.ศ. 1981
ดอกไม้ประจำชาติอาเซียนที่มีความสวยงามมากอีกประเทศหนึ่ง ก็คือดอกไม้ประจำชาติมาเลเซีย ซึ่งคือดอกพู่ระหง หรือ ดอกบุหงารอยอในภาษามาเลย์ หรือดอกชบาแดงในภาษาไทย พู่ระหงเป็นดอกไม้ที่มีสีแดงสดใส มีกลีบดอก 5 กลีบ มีแกนเกสรอยู่ตรงกลาง เป็นไม้ดอกประเภทล้มลุกขนาดเล็ก ลำต้นมีความสูงประมาณ 1 เมตรเท่านั้น ชาวมาเลย์เชื่อว่าดอกพู่ระหงเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแรง ความสามัคคีของคนในชาติ และยังรวมถึงความสูงส่งและความสง่างามอีกด้วย
ดอกไม้ประชาติของบรูไนคือดอกซ้านชวาหรือดอกซิมปอร์ ซึ่งเป็นดอกไม้สีเหลืองสดใสสวยงาม มีดอกขนาดใหญ่คล้ายร่ม ในหนึ่งดอกจะประกอบไปด้วยกลีบดอกจำนวน 5 กลีบ ดอกซ้านชวาถือว่าเป็นดอกไม้ประจำถิ่นของบรูไน สามารถพบเห็นได้ทั่วไป รวมถึงในธนบัตรหรือเงินของบรูไนและงานศิลปะประเภทต่างๆอีกด้วย
9. ดอกไม้ประจำชาติอินโดนีเซีย – ดอกกล้วยไม้ราตรี (Moon Orchid)
ดอกไม้ประจำชาติอินโดนีเซียคือดอกกล้วยไม้ราตรี หรือ Moon Orchid ซึ่งเป็นกล้วยไม้สายพันธุ์พิเศษที่มีลักษณะสวยงามและออกดอกตลอดทั้งปี รวมถึงสามารถบานอยู่ได้หลายเดือน สามารถขึ้นได้ดีในสภาพอากาศที่ร้อนชื้นซึ่งเป็นลักษณะอากาศประจำถิ่นของอินโดนีเซีย นับได้ว่าเป็นดอกไม้ประจำชาติอาเซียนที่มีงดงามไม่แพ้ใครเลยทีเดียว
10. ดอกไม้ประจำชาติฟิลิปปินส์ – ดอกพุดแก้ว (Sampaguita Jasmine)
ดอกไม้ประจำชาติฟิลิปปินส์คือดอกพุดแก้ว ซึ่งเป็นดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ มีลักษณะของดอกเป็นแฉกจำนวน 5 กลีบคล้ายรูปดาว มีกลิ่นหอมสดชื่นโดยเฉพาะในเวลากลางคืน ต้นพุดแก้วจะออกดอกได้ทั้งปี โดยชาวฟิลิปปินส์เชื่อว่าดอกพุดแก้วเป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์ ความเรียบง่าย ความอ่อนน้อมถ่อมตน และความเข้มแข็ง จึงนิยมใช้ดอกพุดแก้วในงานรื่นเริงและงานเฉลิมฉลองทุกชนิด
2. อาเซียน+3มีประเทศอะไรบ้าง
ที่มา
http://www.lampangvc.ac.th/lvcasean/page_asean+3.htm
http://www.เกร็ดความรู้.net/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%993/
https://sites.google.com/a/web1.dara.ac.th/daraasean/3-khwam-samphanth-xaseiyn-kab-khu-cerca/xaseiyn-3-6
อาเซียน+3 (ASEAN+3) คือ กรอบความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) กับประเทศอื่นนอกกลุ่มอาเซียนอีก 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศจีน ประเทศเกาหลีใต้ และประเทศญี่ปุ่น เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในระดับอนุภูมิภาคเอเชียตะวันออก และเพื่อนำไปสู่การจัดตั้งชุมชนเอเชียตะวันออกในอนาคต
3.สามเสาหลักของอาเซียนมีอะไรบ้าง
ที่มา
http://www.เกร็ดความรู้.net/3
http://www.uasean.com/kerobow01/18
https://kullanit.wordpress.com/3
ประชาคมอาเซียนประกอบด้วยความร่วมมือ 3 เสาหลัก คือ
ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Political and Security Community – APSC)
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community – AEC)
ประชาคมสังคมและวัฒนธรรม (ASEAN Socio-Cultural Community – ASCC)
4. ชุดประจำชาติของ10ประเทศอาเซียนมีอะไรบ้าง
ที่มา
http://guru.sanook.com/8585/http://www.trang.psu.ac.th/asean/?p=262
http://hilight.kapook.com/view/73561
1. ชุดประจำชาติของประเทศมาเลเซีย
สำหรับชุดประจำชาติมาเลเซียของผู้ชาย เรียกว่า บาจู มลายู (Baju Melayu) ประกอบด้วยเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวที่ทำจากผ้าไหม ผ้าฝ้าย หรือโพลีเอสเตอร์ที่มีส่วนผสมของผ้าฝ้าย ส่วนชุดของผู้หญิงเรียกว่า บาจูกุรุง (Baju Kurung) ประกอบด้วยเสื้อคลุมแขนยาว และกระโปรงยาว
2. ชุดประจำชาติของประเทศเวียดนาม
อ่าวหญ่าย (Ao dai) เป็นชุดประจำชาติของประเทศเวียดนามที่ประกอบไปด้วยชุดผ้าไหมที่พอดีตัวสวมทับกางเกงขายาวซึ่งเป็นชุดที่มักสวมใส่ในงานแต่งงานและพิธีการสำคัญของประเทศ มีลักษณะคล้ายชุดกี่เพ้าของจีน ในปัจจุบันเป็นชุดที่ได้รับความนิยมจากผู้หญิงเวียดนาม ส่วนผู้ชายเวียดนามจะสวมใส่ชุดอ่าวหญ่ายในพิธีแต่งงาน หรือพิธีศพ
3. ชุดประจำชาติของประเทศพม่า
ชุดประจำชาติของชาวพม่าเรียกว่า ลองยี (Longyi) เป็นผ้าโสร่งที่นุ่งทั้งผู้ชายและผู้หญิง ในวาระพิเศษต่าง ๆ ผู้ชายจะใส่เสื้อเชิ้ตคอปกจีนแมนดารินและเสื้อคลุมไม่มีปก บางครั้งจะใส่ผ้าโพกศีรษะที่เรียกว่า กอง บอง (Guang Baung) ด้วย ส่วนผู้หญิงพม่าจะใส่เสื้อติดกระดุมหน้าเรียกว่า ยินซี (Yinzi) หรือเสื้อติดกระดุมข้างเรียกว่า ยินบอน (Yinbon) และใส่ผ้าคลุมไหล่ทับ
4. ชุดประจำชาติของประเทศบรูไน
ชุดประจำชาติของบรูไนคล้ายกับชุดประจำชาติของผู้ชายประเทศมาเลเซีย เรียกว่า บาจู มลายู (Baju Melayu) ส่วนชุดของผู้หญิงเรียกว่า บาจูกุรุง (Baju Kurung) แต่ผู้หญิงบรูไนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่มีสีสันสดใส โดยมากมักจะเป็นเสื้อผ้าที่คลุมร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ส่วนผู้ชายจะแต่งกายด้วยเสื้อแขนยาว ตัวเสื้อยาวถึงเข่า นุ่งกางเกงขายาวแล้วนุ่งโสร่ง เป็นการสะท้อนวัฒนธรรมสังคมแบบอนุรักษ์นิยม เพราะบรูไนเป็นประเทศมุสสิม จึงต้องแต่งกายมิดชิดและสุภาพเรียบร้อย
5. ชุดประจำชาติของประเทศลาว
ผู้หญิงลาวนุ่งผ้าซิ่น และใส่เสื้อแขนยาวทรงกระบอก สำหรับผู้ชายมักแต่งกายแบบสากล หรือนุ่งโจงกระเบน สวมเสื้อชั้นนอกกระดุมเจ็ดเม็ด คล้ายเสื้อพระราชทานของไทย
6. ชุดประจำชาติของประเทศอินโดนีเซีย
เกบาย่า (Kebaya) เป็นชุดประจำชาติของประเทศอินโดนีเซียสำหรับผู้หญิง มีลักษณะเป็นเสื้อแขนยาว ผ่าหน้า กลัดกระดุม ตัวเสื้อจะมีสีสันสดใส ปักฉลุเป็นลายลูกไม้ ส่วนผ้าถุงที่ใช้จะเป็นผ้าถุงแบบบาติก ส่วนการแต่งกายของผู้ชายมักจะสวมใส่เสื้อแบบบาติกและนุ่งกางเกงขายาวหรือเตลุก เบสคาพ (Teluk Beskap) ซึ่งเป็นการแต่งกายแบบผสมผสานระหว่างเสื้อคลุมสั้นแบบชวาและโสร่ง และนุ่งโสร่งเมื่ออยู่บ้านหรือประกอบพิธีละหมาดที่มัสยิด
7. ชุดประจำชาติของประเทศฟิลิปปินส์
ผู้ชายจะนุ่งกางเกงขายาวและสวมเสื้อที่เรียกว่า บารอง ตากาล็อก (barong Tagalog) ซึ่งตัดเย็บด้วยผ้าใยสัปปะรด มีบ่า คอตั้ง แขนยาว ที่ปลายแขนเสื้อที่ข้อมือจะปักลวดลาย ส่วนผู้หญิงนุ่งกระโปรงยาว ใส่เสื้อสีครีมแขนสั้นจับจีบยกตั้งขึ้นเหนือไหล่คล้ายปีกผีเสื้อ เรียกว่า บาลินตาวัก (balintawak)
8. ชุดประจำชาติของประเทศไทย
สำหรับชุดประจำชาติอย่างเป็นทางการของไทย รู้จักกันในนามว่า "ชุดไทยพระราชนิยม" โดยชุดประจำชาติสำหรับสุภาพบุรุษ จะเรียกว่า "เสื้อพระราชทาน"
สำหรับสุภาพสตรีจะเป็นชุดไทยที่ประกอบด้วยสไบเฉียง ใช้ผ้ายกมีเชิงหรือยกทั้งตัว ซิ่นมีจีบยกข้างหน้า มีชายพกใช้เข็มขัดไทยคาด ส่วนท่อนบนเป็นสไบ จะเย็บให้ติดกับซิ่นเป็นท่อนเดียวกันหรือ จะมีผ้าสไบห่มต่างหากก็ได้ เปิดบ่าข้างหนึ่ง ชายสไบคลุมไหล่ ทิ้งชายด้านหลังยาวตามที่เห็นสมควร ความสวยงามอยู่ที่เนื้อผ้าการเย็บและรูปทรงของผู้ที่สวม ใช้เครื่องประดับได้งดงามสมโอกาสในเวลาค่ำคืน
9. ชุดประจำชาติของประเทศกัมพูชา
ชุดประจำชาติของกัมพูชาคือ ซัมปอต (Sampot) หรือผ้านุ่งกัมพูชา ทอด้วยมือ มีทั้งแบบหลวมและแบบพอดี คาดทับเสื้อบริเวณเอว ผ้าที่ใช้มักทำจากไหมหรือฝ้าย หรือทั้งสองอย่างรวมกัน ซัมปอตสำหรับผู้หญิงมีความคล้ายคลึงกับผ้านุ่งของประเทศลาวและไทย ทั้งนี้ ซัมปอดมีหลายแบบซึ่งจะแตกต่างกันไปตามชนชั้นทางสังคมของชาวกัมพูชา ถ้าใช้ในชีวิตประจำวันจะใช้วัสดุราคาไม่สูง ซึ่งจะส่งมาจากประเทศญี่ปุ่น นิยมทำลวดลายตามขวาง ถ้าเป็นชนิดหรูหราจะทอด้ายเงินและด้ายทอง
10. ชุดประจำชาติประเทศสิงคโปร์
สิงคโปร์ไม่มีชุดประจำชาติเป็นของตนเอง เนื่องจากประเทศสิงคโปร์แบ่งออกเป็น 4 เชื้อชาติหลัก ๆ ได้แก่ จีน มาเลย์ อินเดีย และชาวยุโรป ซึ่งแต่ละเชื้อชาติก็มีชุดประจำชาติเป็นของตนเอง เช่น ผู้หญิงมลายูในสิงคโปร์ จะใส่ชุดเกบาย่า (Kebaya) ตัวเสื้อจะมีสีสันสดใส ปักฉลุเป็นลายลูกไม้ หากเป็นชาวจีน ก็จะสวมเสื้อแขนยาว คอจีน เสื้อผ้าหน้าซ่อนกระดุม สวมกางเกงขายาว โดยเสื้อจะใช้ผ้าสีเรียบหรือผ้าแพรจีนก็ได้
ที่มา
http://hilight.kapook.com/view/73514
http://www.stou.ac.th/study/sumrit/12-58(500)/page1-12-58(500).html
http://www.stou.ac.th/study/sumrit/12-58(500)/page1-12-58(500).html
1.ประเทศไทย
ต้มยำกุ้ง (Tom Yam Goong)
2.ประเทศกัมพูชา
อาม็อก (Amok)
3.ประเทศบรูไน
อัมบูยัต (Ambuyat)
4.ประเทศพม่า
หล่าเพ็ด (Lahpet)
5.ประเทศฟิลิปปินส์
อโดโบ้ (Adobo)
6.ประเทศสิงคโปร์
ลักซา (Laksa)
7.ประเทศอินโดนีเซีย
กาโด กาโด (Gado Gado)
8. ประเทศลาว
สลัดหลวงพระบาง (Luang Prabang Salad)
9.ประเทศมาเลเซีย
นาซิ เลอมัก (Nasi Lemak)
10.ประเทศเวียดนาม
เปาะเปี๊ยะเวียดนาม (Vietnamese Spring Rolls)
6.สีประจำธงชาติ ของ10 ประเทศอาเซียน
ที่มา
www.เกร็ดความรู้.net
aec.kapook.com/view50379.htm
hilight.kapook.com/view/75319
ธงชาติบรูไน ลักษณะของธงชาติมีพื้นสีเหลือง โดยมีแถบสีขาว และสีดำ พาดตามแนวทแยงมุมจากด้านคันธงจรดปลายธง ซึ่งแถบสีขาวอยู่ด้านบน แถบสีดำอยู่ด้านล่าง ขณะที่กลางธงนั้น มีตราแผ่นดินของบรูไนประทับอยู่ ซึ่งสีต่าง ๆ มีความหมาย ดังนี้
สีเหลือง หมายถึง กษัตริย์
สีขาว และสีดำ หมายถึง มุขมนตรี
สาเหตุที่ธงชาติบรูไนใช้สีเหลืองสื่อถึงกษัตริย์นั้น เนื่องจากธงประจำพระองค์ของสุลต่านแห่งบรูไน ใช้ธงพื้นสีเหลือง
2. Kingdom of Cambodia (ราชอาณาจักรกัมพูชา)
ธงชาติกัมพูชา ลักษณะผืนธงแบ่งตามแนวยาวเป็น 3 ริ้ว โดยริ้วตรงกลางจะเป็นสีแดง กว้าง 2 ส่วน มีรูปปราสาทหินนครวัดสามยอดสีขาวอยู่บริเวณกึ่งกลาง ขณะที่ริ้วด้านนอกทั้ง 2 ด้าน มีสีน้ำเงิน และกว้างริ้วละ 1 ส่วนเท่า ๆ กัน โดยสีต่าง และสัญลักษณ์ต่าง ๆ ของธง มีความหมาย ดังนี้
สีน้ำเงิน หมายถึง กษัตริย์
สีแดง หมายถึง ชาติ
ส่วนปราสาทนครวัดสีขาว หมายถึง สันติภาพ
3. Republic of Indonesia (สาธารณรัฐอินโดนีเซีย)
ธงชาติอินโดนีเซีย พื้นธงแบ่งเป็นสองส่วนตามแนวนอน โดยสีต่าง ๆ ของธง มีความหมาย ดังนี้
สีแดง หมายถึง ความกล้าหาญ และอิสรภาพ
สีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์ยุติธรรม
4. Lao People’s Democratic Republic (สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว - สปป ลาว)
ธงชาติลาว ลักษณะผืนธงแบ่งตามแนวยาวออกเป็น 3 ส่วน โดยแถบตรงกลางจะเป็นสีน้ำเงิน กว้าง 2 ส่วน มีพระจันทร์ทรงกลมสีขาวอยู่กึ่งกลาง ขณะที่แถบด้านนอกทั้ง 2 ด้าน มีสีแดง และกว้างริ้วละ 1 ส่วน เท่า ๆ กัน โดยสีต่าง ๆ ของธง มีความหมาย ดังนี้
สีแดง หมายถึง เลือดแห่งการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของชาวลาว
สีน้ำเงิน หมายถึง ความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ของชาติ
พระจันทร์สีขาว หมายถึงเอกภาพของ
สาเหตุที่มีดวงจันทร์ทรงกลมอยู่ตรงกลาง เนื่องจากเพื่อเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงดวงจันทร์ลอยเด่นเหนือลำน้ำโขง
5. Malaysia (มาเลเซีย)
ธงชาติมาเลเซีย มีแถบสีแดงสลับสีขาวรวม 14 แถบ แต่ละแถบมีความกว้างเท่ากัน ที่มุมธงด้านคันธงมีรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีน้ำเงินกว้าง 8 ใน 14 ส่วนของผืนธงด้านกว้าง และยาวกึ่งหนึ่งของผืนธงด้านยาว ภายในรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าดังกล่าว มีเครื่องหมายพระจันทร์เสี้ยว และดาว 14 แฉก ซึ่งสี และสัญลักษณ์ ต่าง ๆ มีความหมาย ดังนี้
แถบริ้วสีแดง และสีขาว ทั้ง 14 ริ้ว หมายถึง สถานะอันเสมอภาคของรัฐสมาชิกทั้ง 13 รัฐ ภายในประเทศมาเลเซีย
ดาว 14 แฉก หมายถึง ความเป็นเอกภาพในหมู่รัฐดังกล่าวทั้งหมด
พระจันทร์เสี้ยว หมายถึง ศาสนาอิสลามอันเป็นศาสนาประจำชาติ
สีเหลืองในพระจันทร์เสี้ยว และดาว 14 แฉก สื่อถึง ผู้เป็นประมุขแห่งสหพันธรัฐ
สีน้ำเงิน หมายถึง ความสามัคคีของชาวมาเลเซีย
6. Republic of the Union of Myanmar (สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า)
ธงชาติพม่า ได้แบ่งตามความยาวออกเป็น 3 ส่วน และมีความกว้างเท่า ๆ กัน โดยแต่ละส่วน มีสีที่แตกต่างกัน ไล่จากบนลงล่าง คือ สีเหลือง สีเขียว และสีแดง ขณะที่กึ่งกลางธงมีรูปดาว 5 แฉก สีขาวขนาดใหญ่ ซึ่งสี และสัญลักษณ์ ต่างๆ มีความหมาย ดังนี้
สีเขียว หมายถึง สันติภาพ ความสงบ และความอุดมสมบูรณ์ของพม่า
สีเหลือง หมายถึง ความสามัคคี
สีแดง หมายถึง ความกล้าหาญ ความเข้มแข็ง เด็ดขาด
ดาวสีขาว หมายถึง สหภาพอันมั่นคงเป็นเอกภาพ
7. Republic of the Philippines (สาธารณรัฐฟิลิปปินส์)
ธงชาติฟิลิปปินส์ ด้านต้นธงเป็นรูปสามเหลี่ยมสีขาว เป็นเครื่องหมายแทนความเสมอภาค และภราดรภาพ ซึ่งภายในสามเหลี่ยมสีขาว ประกอบด้วย ดวงอาทิตย์รัศมี 8 แฉก ล้อมด้วยดาว 5 แฉก จำนวน 3 ดวง และตั้งอยู่ตามมุมของรูปสามเหลี่ยม ซึ่งสัญลักษณ์ทั้งหมด ล้วนเป็นสีทอง ส่วนด้านที่เหลือของธง ได้แบ่งครึ่งตามความยาว โดยแถบบนมีสีน้ำเงิน และแถบล่างมีสีแดง
ทั้งนี้ หากแถบทั้งสองสีดังกล่าว ได้มีการสลับตำแหน่งกัน คือ แถบสีแดงอยู่ด้านบน แถบสีน้ำเงินอยู่ด้านล่าง แสดงว่า ขณะนั้นประเทศฟิลิปปินส์กำลังอยู่ในภาวะสงคราม ส่วนสี และสัญลักษณ์ ต่างๆ มีความหมาย ดังนี้
สีน้ำเงิน หมายถึง สันติภาพ สัจจะ และความยุติธรรม
สีแดง หมายถึง ความรักชาติ และความมีคุณค่า
ดวงอาทิตย์มีรัศมี 8 แฉก หมายถึง 8 จังหวัดแรกของประเทศ ที่มีความพยายาม ในการเรียกร้องเอกราชจากประเทศสเปน กระทั่งเกิดการปฏิวัติในปี พ.ศ. 2439
ดาวสามดวง หมายถึง การแบ่งพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ของประเทศออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ ๆ ได้แก่ เกาะลูซอน เกาะมินดาเนา และหมู่เกาะวิสายัน
8. Republic of Singapore (สาธารณรัฐสิงคโปร์)
ธงชาติสิงคโปร์ ประกอบด้วยแถบสองสีแบ่งครึ่งกลางธง แถบสีแดงอยู่ด้านบน แถบสีขาวอยู่ด้านล่าง ที่มุมด้านบนของคันธง เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ถัดจากรูปดังกล่าวมีดาว 5 แฉก จำนวน 5 ดวง เรียงเป็นรูปห้าเหลี่ยมด้านเท่า โดยรูปพระจันทร์เสี้ยว และดาว 5 แฉก ต่างมีสีขาว ซึ่งสี และสัญลักษณ์ ต่างๆ มีความหมาย ดังนี้
สีแดง หมายถึง ภราดรภาพ และความเสมอภาคของมนุษย์โดยทั่วหน้า
สีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์ และความดีงามที่แพร่หลาย และคงอยู่ตลอดกาล
รูปพระจันทร์เสี้ยว ซึ่งเป็นจันทร์เสี้ยวข้างขึ้น หมายถึง ความเป็นชาติใหม่ที่ถือกำเนิดขึ้น
ดาว 5 ดวง หมายถึง อุดมคติ 5 ประการของชาติ ได้แก่ ประชาธิปไตย สันติภาพ ความก้าวหน้า ความยุติธรรม และความเสมอภาค
9. Kingdom of Thailand (ราชอาณาจักรไทย)
ธงชาติไทย ประกอบด้วย 3 สีหลัก ได้แก่ สีแดง สีขาว และสีน้ำเงิน มีการแบ่งเป็นริ้วจำนวน 5 แถบ ซึ่งแถบในสุดเป็นสีน้ำเงิน ถัดมาด้านนอกทั้งด้านบน ด้านล่าง เป็นสีขาว และสีแดงตามลำดับ ทั้งนี้ แถบสีน้ำเงินมีขนาดใหญ่กว่าแถบสีอื่นเป็น 2 เท่า ส่วนสีต่าง ๆ มีความหมาย ดังนี้
สีแดง หมายถึง ชาติ
สีขาว หมายถึง ศาสนา
สีน้ำเงิน หมายถึง พระมหากษัตริย์
อย่างไรก็ตาม มีการเรียกชื่อธงนี้ว่า ธงไตรรงค์ (ไตร = สาม, รงค์ = สี) เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ "เครื่องหมายแห่งไตรรงค์" ไว้เมื่อ พ.ศ. 2464 โดยได้นิยามความหมายของธงไตรรงค์ว่า
สีแดง หมายถึง เลือดอันยอมพลีให้แก่ชาติ
สีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์แห่งพระพุทธศาสนา และธรรมะ
สีน้ำเงิน หมายถึง สีส่วนพระองค์ขององค์พระมหากษัตริย์
แม้นิยามดังกล่าวจะไม่ใช่คำอธิบายที่ทรงประกาศใช้อย่างเป็นทางการ แต่ทั้งสามสิ่งนี้คืออุดมการณ์รัฐที่พระองค์ทรงปลูกฝัง เพื่อให้คนไทยเกิดสำนึกความเป็นชาตินิยมมาตลอด
10. Socialist Republic of Vietnam (สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม)
ธงชาติเวียดนาม พื้นธงเป็นสีแดงล้วน ตรงกึ่งกลางมีรูปดาว 5 แฉก สีเหลืองทอง เป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่าหมายถึงชนชั้นต่าง ๆ ในสังคมเวียดนาม คือ นักปราชญ์ ชาวนา ช่างฝีมือ พ่อค้า และทหาร ส่วนสีต่าง ๆ มีความหมาย ดังนี้
สีแดง หมายถึง การต่อสู้เพื่อกู้เอกราชของชาวเวียดนาม
สีเหลือง หมายถึง ชาวเวียดนาม
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการรวมชาติเวียดนามในปี พ.ศ. 2519 ความหมายในธงได้มีการอธิบายใหม่ในทางการเมืองว่า
สีแดง หมายถึง การปฏิวัติโดยชนชั้นกรรมาชีพ
ดาวสีทอง หมายถึง การชี้นำของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม
















ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น